Monday, 29 April 2024
THE STUDY TIMES

เข้ารอบ Final Pitching  โครงการ Content Lab โปรแกรม “ดิจิทัลคอนเทนต์”

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ประกาศรายชื่อ 7 ทีม ผ่านเข้ารอบ Final Pitching โครงการ Content Lab สร้างสรรค์คอนเทนต์ไทย ดันไกลสู่สากล ในโปรแกรม “ดิจิทัลคอนเทนต์ (Digital Content)” สนับสนุนรวมกว่า 150,000 บาท/ทีม และเงินรางวัลสำหรับทีมที่ชนะในรอบ Final Pitching มูลค่ารวม 150,000 บาท พร้อมเปิดโอกาสนำเสนอโครงการให้กับผู้เชี่ยวชาญ และองค์กรชั้นนำของเมืองไทย หวังต่อยอด สร้างสรรค์ และ ประชาสัมพันธ์ผลงานในระดับสากล
นายชาญ กุลภัทรนิรันดร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า...

ปตท. ได้ปรับการดำเนินงานให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน โดยมุ่งสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ควบคู่กับการต่อยอดธุรกิจใหม่ที่นอกเหนือจากด้านพลังงาน พร้อมเป็นแรงสำคัญขับเคลื่อนอุตสาหกรรมของประเทศ โดยได้มีการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ทั้งภาครัฐและเอกชนเล็งเห็นถึงโอกาสและศักยภาพที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย

ทั้งนี้ ปตท. ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ในการเปิดคอร์สอบรมพัฒนาทักษะ สำหรับนักสร้างสรรค์คอนเทนต์ ภายใต้ “โครงการ Content Lab สร้างสรรค์คอนเทนต์ไทย ดันไกลสู่สากล” ในโปรแกรมดิจิทัลคอนเทนต์ (Digital Content) สำหรับนักสร้างสรรค์คอนเทนต์ นักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไป ได้มีโอกาสเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีประกอบการสร้างสรรค์ผลงาน พร้อมเรียนรู้ทักษะการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเข้มข้นจากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา ทั้ง Virtual Production, AR/XR, AR location base, CG, 3D Model ฯลฯ

ผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 13 ทีม ได้นำความรู้และประสบการณ์มานำเสนอ Proposal ครั้งที่ 1 ภายใต้หัวข้อ “Meaningful Travel” ส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยพร้อมสร้างประสบการณ์ใหม่  แบ่งเป็น 3 หมวด ได้แก่ หมวด Location Base & Platform หมวด Game และหมวด Film & Advertising
.
ทั้งนี้ มีการคัดเลือก 7 ทีม ผ่านเข้ารอบการนำเสนอสุดท้าย (Final Pitching Day) ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับการสนับสนุนการผลิตชิ้นงาน จาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อเตรียมนำเสนอผลงานสุดท้ายต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ และตัวแทนจากองค์กรชั้นนำของเมืองไทยในวัน Final Product Pitching  วันที่ 26 สิงหาคมนี้ โดยจะมีคัดเลือกผลงานสุดท้ายที่จะได้รับเงินรางวัล พร้อมการประชาสัมพันธ์สู่สาธารณะ หวังต่อยอดและสร้างสรรค์ผลงานในระดับสากล ซึ่งถือเป็นซอฟท์พาวเวอร์ (Soft Power) ที่สำคัญ ให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่มีคุณค่าควบคู่กับการสร้างมาตรฐานความยั่งยืน

ทีมที่ผ่านการเข้ารอบ ได้แก่
• หมวด Location Base & Platform  
1. ทีมที่ 6 Travel Platform & Virtual Influencer 
2. ทีมที่ 11 Thailand Culture Guide (สายมู) 
3. ทีมที่ 14 Foodscape

• หมวด Game 
1. ทีมที่ 8 Muay Thai VR Game 
2. ทีมที่ 10 Survive the Streets

• หมวด Film & Advertising 
1. ทีมที่ 1 Thatien 
2. ทีมที่ 3 One free day

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Content Lab และ Creative Economy Agency

ประจวบฯ พิจารณาปิดด่านสิงขร เหตุชิปปิ้งบางราย ทำน้ำเน่าเสีย

วันที่ 17 มีนาคม 2565 ที่ห้องประชุมกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน 146 ด่านสิงขร อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายชัยวุฒิ คุณาธิมาพันธ์ รักษาการป้องกันจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานประชุมร่วมระหว่างผู้ประกอบการขนส่งสินค้า (ชิปปิ้ง) และหน่วยงานราชการ ประกอบด้วย ศุลกากร, ตม., ประมง, สาธารณสุข, ด่านกักกันสัตว์ห้วยยา, ทหาร ฉก.จงอางศึก, ตชด.146, ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ พร้อมสื่อมวลชนจากส่วนกลางเพื่อหามาตรการรักษาความสะอาดที่ลานขนถ่ายสินค้า พรหมแดนระหว่างสองประเทศ (No Man’s Land) จุดตรวจด่านสิงขร

 

โดยก่อนหน้านี้ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้รับการร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่ว่า บริเวณดังกล่าวมีปริมาณรถขนถ่ายสินค้าวันละ 40–50 คัน ขนถ่ายสินค้าประมงซึ่งมีน้ำเป็นส่วนประกอบ ได้มีน้ำเสียจากซากสัตว์ไหลลงพื้นดิน น้ำขังเจิ่งนอง เน่าเสีย มีแมลงวันหัวเขียวตัวใหญ่เกาะกินเศษอาหาร ส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง รัศมีไปไกลกว่า 100 เมตร กระทบต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และทหาร ฉก.จงอางศึก ที่มีฐานปฏิบัติการใกล้เคียงกัน

 

ซึ่งก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการที่มีอยู่ จัดการเรื่องขยะ สิ่งเน่าเสีย และน้ำขังให้สะอาด จากที่เคยมีมาตรการที่เข้มงวดในช่วงการแพร่ระบาดโควิดปี 2563 – 2564 ที่มีคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการชายแดนไทย-เมียนมาร์ ผ่อนผันให้มีการขนส่งสินค้าเฉพาะอาหารแห้งเท่านั้น เพื่อป้องกันเชื้อโรคมากับวัตถุดิบที่มีความชื้นแฉะ ซึ่งในปัจจุบันสามารถขนส่งวัตถุดิบอาหารทะเลได้ ส่วนใหญ่เป็นหอย ปู กุ้ง หมึก แมงกะพรุนดองเค็ม แมงดา และปลาชนิดต่าง ๆ โดยมีน้ำแข็งเป็นส่วนประกอบ

 

ส่งผลให้รถที่มาจากฝั่งเมียนมาร์ที่จอดบริเวณโนแมนแลนด์ เพื่อทำการขนถ่ายสินค้ามายังรถบรรทุกไทย มีน้ำไหลจากจากภาชนะบรรจุอาหารทะเล ไหลนองพื้น ส่งกลิ่นเหม็น เนื่องจากด่านสิงขรเป็นจุดผ่อนปรนชั่วคราว ไม่มีลานขนถ่ายสินค้าที่ถูกต้องตามหลักสาธารณสุข ประกอบกับอาคาร CIQ ที่มีหน่วยงานศุลกากร ตม. และด่านตรวจกักกันพืชและสัตว์ ยังไม่สามารถเปิดให้บริการ จึงต้องใช้พื้นที่ว่างพรหมแดนระหว่างสองประเทศเป็นลานขนถ่ายสินค้าชั่วคราว จึงไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ปล่อยให้น้ำไหลลงพื้นอย่างอิสระ ขณะที่ผู้ประกอบการหลายรายทำงานในลักษณะต่างคนต่างอยู่ ไม่มีความร่วมมือระหว่างกัน จึงไม่สามารถบริหารจัดการให้เป็นระเบียบได้ ซึ่งบางรายควบคุมรถขนส่งได้ดี แต่บางรายก็ปล่อยปะละเลย กระทบการค้าขายชายแดนทั้งระบบ

 

สาเหตุจากช่วงที่ผ่านมา มีการจับกุมการแจ้งปริมาณการนำเข้าสินค้าของผู้ประกอบการไม่ตรงตามจริง เช่น แมงกะพรุนดองเกลือ ลักลอบส่งถังแก๊สหุงต้ม ทำให้รัฐเสียโอกาสจัดเก็บรายได้ไม่ถึงเป้า และสภาพแวดล้อมบริเวณดังกล่าวมีกลิ่นรุนแรง กระทบสุขอนามัยของผู้ปฏิบัติงาน พร้อมทั้งขอให้รถบรรทุกที่มาจากเมียนมาร์นำขยะ เศษซากอาหารและน้ำ กลับไปกำจัดยังฝั่งของตนเอง ห้ามมิให้นำมาทิ้งบริเวณพรหมแดนระหว่างสองประเทศ

.

นายชัยวุฒิ คุณาธิมาพันธ์ กล่าวว่า ขอให้ผู้ประกอบการร่วมมือกันจัดระเบียบการขนถ่ายสินค้า และความสะอาด เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดและการค้าขายชายแดน หากผู้ประกอบการไม่สามารถดำเนินการตามที่ตกลงได้ อาจมีคำสั่งระงับการนำเข้าส่งออกสินค้าชั่วคราว จนกว่าจะมีการปฏิบัติตามมาตราการของจังหวัดให้เรียบร้อยเสียก่อน

 

โดยทางจังหวัดได้ออกมาตรการให้ผู้ประกอบการ

1. ให้ถุงบรรจุอาหารทะเลสด ใส่ในถุงสองชั้น และผูกมัดปากให้สนิท

2. ถุงต้องบรรจุอยู่ในถังพลาสติก และมีถังพลาสติกรองรับน้ำระหว่างรถบรรทุกทั้งสองคัน ป้องกันไม่ให้น้ำไหลลงพื้น

3. ต้องแจ้งการเข้าออกสินค้าให้ถูกต้องการพิกัดศุลกากร ทุกประเภท ชนิด ปริมาณและน้ำหนัก

4. ต้องทำความสะอาดทุกวัน มีการโรยปูนขาวฆ่าเชื้ออาทิตย์ละสองครั้ง เก็บเศษขยะที่แรงงานนำอาหารมารับประทานระหว่างขนส่งสินค้า

 

นายอำนาจ มณีแดง รองประธานหอการค้า จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ตัวเลขการนำเข้าสินค้าจากประเทศเมียนมาร์ ปี 2565 ตั้งแต่เดือนมกราคม – ธันวาคม มีมูลค่า 1,163 ล้านบาท ตัวเลขส่งออกมีมูลค่า 110 ล้านบาท โดยร้อยละ 90 ของสินค้านำเข้าเป็นอาหารทะเล ส่วนเดือนมกราคม 2566 มีมูลค่าการนำเข้า 201 ล้านบาท ส่งออก 14 ล้านบาท คาดการณ์มูลค่าการนำเข้าส่งออกปี 2566 ประมาณ 1,800 ล้านบาท

 

นอกจากนี้อาคารหลายจุดบริเวณจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขรยังค้างชำระค่าบริการไฟฟ้าแก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอีกหลายแสนบาททำให้การบริหารจัดการที่ดีนั้นเป็นไปได้ยาก

 

#เซาท์ไทม์

ดันฮาลาล สร้างโอกาสใหม่

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการจัดกิจกรรมศึกษาดูงานเส้นทางโค เป็นการดำเนินงานภายใต้โครงการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการบริหารจัดการฟาร์มและสร้างความเป็นอัตลักษณ์ให้กับผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ภาคใต้ชายแดน ปี พ.ศ. 2566 ของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ร่วมกับสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นการศึกษากึ่งวิจัย จากต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ซึ่งได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ – 3 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ ตลาดนัดโคกระบือบ้านเชียงหวาง จังหวัดยโสธร มหาวิทยาลัยนครพนม มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ทวนธง ครุฑจ้อน หัวหน้าโครงการและหัวหน้าคณะศึกษาดูงาน ซึ่งประกอบด้วยคณะทำงานจากมหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และตัวแทนผู้ประกอบการจากพื้นที่ชายแดนใต้ โดยจะเชื่อมต่อกับการพัฒนาศักยภาพการเลี้ยงโค และปศุสัตว์ อื่นๆในพื้นที่ชายแดนใต้ต่อไป

.

นางสาวดาวริน สุขเกษม นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ภาคใต้เปิดเผยว่า "เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันตลาดอาหารฮาลาล (Halal Food) ทวีความสำคัญขึ้น กระทั่ง สามารถขยับจากการเป็นตลาดโลกได้ เป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ทั้งตลาดในตะวันออกกลาง ยุโรป จีนและประเทศแถบนูซันตารา หรือแถบมลายู อินโดนีเซีย มีผู้บริโภคที่เป็นมุสลิมและไม่ใช่มุสลิมเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก เป็นโอกาสให้รัฐบาลไทยควรส่งเสริมการผลิตสินค้า อาหาร ผลิตภัณฑ์แปรรูป และธุรกิจด้านฮาลาล โดยเร่งด่วน

สินค้าฮาลาล มีความสำคัญจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรมุสลิมโลก และกระแสบริโภคอาหารปลอดภัย ในช่วงที่มีการระบาดของ COVID-19

.

ทั้งนี้คาดหมายในอนาคตว่าตลาดอาหารฮาลาลโลกจะเติบโตขึ้นอีก20% ซึ่งประเทศไทยมีมุสลิมอยู่จำนวนเพียง 10 % เทียบกับประชากรทั้งหมด แต่ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกอาหารชั้นนำของโลก ทั้งยังมีชื่อเสียงแหล่งผลิตอาหารชื่อดัง เรามีอาหารเมนูที่มากมาย ซึ่งขึ้นชื่ออันดับต้นๆให้โลกได้รู้จัก เช่นเมนูต้มยำกุ้ง ผัดไทย ข้าวเหนียวมะม่วง ทุเรียน และอื่นๆ ด้านเทคโนโลยีการผลิตอาหารที่ทันสมัย ผู้ประกอบการสินค้าอาหารในไทยทุกภูมิภาคจึงไม่ควรพลาดโอกาสที่จะขยายการส่งออกไปสู่ตลาดดังกล่าว"

.

ผศ.ดร. ทวนธง ครุฑจ้อน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ หัวหน้าโครงการฯ เล่าถึงงานนี้ว่า "การจัดกิจกรรมศึกษาดูงานครั้งนี้ หลักๆคือเส้นทางการค้าโคหรือวัวพันธ์ุ ซึ่งเป็นการดำเนินงานภายใต้โครงการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการบริหารจัดการฟาร์มและสร้างความเป็นอัตลักษณ์ให้กับผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ภาคใต้ชายแดน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วัตถุประสงค์หลักคือ สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับห่วงโซ่คุณค่าของระบบการผลิตปศุสัตว์ โดยอาศัยการศึกษาเชิงพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีเกษตรกรทำปศุสัตว์อย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะเกษตรกรกลุ่มผู้เลี้ยงโคและระบบการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากโคอย่างเป็นระบบมีมาตรฐาน และโอกาสด้านตลาดฮาลาลในภาคอีสานอีกด้วย เส้นทางการศึกษาดูงานเริ่มต้นจากต้นทางหรือต้นน้ำ คือ วิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคบ้านนาน้ำคำ หมู่ที่ 9 ตำบลนาขมิ้น อำเภอโพนสวรรค์ จังหวัดนครพนม เป็นการศึกษารูปแบบการเลี้ยงโคครบวงจรด้วยนวัตกรรมการใช้วัตถุดิบอาหารท้องถิ่นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโคเนื้ออย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานวิจัยของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. กัมปนาท เภสัชชา และคณะ สังกัดคณะเกษตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนครพนม

.

จากนั้นเป็นการศึกษากลไกการแลกเปลี่ยนและการกระจายโคผ่านรูปแบบตลาดนัดโคกระบือที่กระจายตัวอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในครั้งนี้ได้เข้าศึกษาดูงานตลาดนัดโคกระบือบ้านเชียงหวาง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร โดยเปิดให้บริการทุกวันอังคาร ตั้งอยู่ริมถนนหมายเลข 23 จากตัวเมืองยโสธรมุ่งหน้าจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งถือเป็นตลาดนัดโคกระบือที่เก่าแก่และขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

.

สำหรับกลางทาง หรือ กลางน้ำ เป็นการศึกษาดูงานเรื่องการแปรรูปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเชือดมาตรฐานสากลและมาตรฐานฮาลาล เป็นโรงเชือดที่สามารถบ่มและตัดแต่งเนื้อได้อย่างครบวงจร รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงจากเศษเหลือของโค โดยได้รับฟังบรรยายสรุปจาก รองศาสตราจารย์ ดร.รังสรรค์ พาลพ่าย และอาจารย์ ดร.ปภังกร ส่างสวัสดิ์ สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร ตลอดจนกลไกการขับเคลื่อนระบบการผลิตปศุสัตว์กับอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปภากร พิทยชวาล ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และท้ายที่สุดเป็นการศึกษาปลายทาง หรือ ปลายน้ำ การเลี้ยงโคของเกษตรกรคือ ระบบตลาดและการจัดจำหน่าย โดยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้อาศัยกลไกการเชื่อมโยงตลาดยังไปประเทศเพื่อนบ้านทั้ง สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม โดยเฉพาะเส้นทางจาก สปป.ลาว ถือเป็นเส้นทางสายไหมที่สามารถเชื่อมโยงไปยังตลาดประเทศจีนต่อไป มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยศูนย์อาเซียนศึกษาถือเป็นหน่วยขับเคลื่อนที่ทรงพลังในการเชื่อมโยงมิติการต่างประเทศของภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเศรษฐกิจ ศูนย์อาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นหน่วยสร้างเครือข่ายการค้าระหว่างประเทศทั้ง สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีน ผ่านกลไกการจัดเวทีเจรจาธุรกิจและการศึกษาดูงานทางธุรกิจระหว่างประเทศ สนับสนุนผู้ประกอบการในการออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ ภายใต้การนำของ ดร.รองรัตน์ วิโรจน์เพชร ผู้อำนวยการศูนย์อาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น

.

ดังนั้นการศึกษาดูงานในครั้งถือเป็นการสร้างบทเรียนใหม่ในการพัฒนาระบบปศุสัตว์ให้กับคณะทำงานจากภาคใต้ชายแดนที่สามารถเข้าใจตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ผ่านการต้นแบบที่ประสบความสำเร็จจากภาคตะวันออกเฉียงที่ถือว่าเป็นมีความเข้มแข็งในการทำปศุสัตว์โดยเฉพาะการเลี้ยงโคเนื้อ "

.

นอกจากนี้ ที่จังหวัดขอนแก่น ณ โรงแรมราชาวดี รีสอร์ต แอนด์ โฮเทล อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีคุณเข็มชาติ สมใจวงษ์ เจ้าของธุรกิจโรงแรมราชาวดี รีสอร์ต แอนด์ โฮเทล อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าจังหวัดขอนแก่น และคุณสมสัก วิไลทอน กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประจำจังหวัดขอนแก่น ราชอาณาจักรไทย เป็นประธานต้อนรับคณะศึกษาดูงาน ทั้งนี้ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าจังหวัดขอนแก่น ได้กล่าวถึง “สภาพปัจจุบันด้านการปศุสัตว์และการค้าในภูมิภาคอินโดจีนว่าพื้นที่ของจังหวัดขอนแก่นและภาคอีสานแถบทั้งหมดมีศักยภาพสูงในด้านการพัฒนาการปศุสัตว์และการค้าซึ่งดำเนินไปอย่างรุดหน้าพอสมควรแล้ว แต่ยังมีสิ่งที่มีความบกพร่องคือศักยภาพของร้านอาหารหรือโรงแรมที่ยังไม่ได้มีการดำเนินการเพื่อรับรองมาตรฐานอาหารฮาลาล (Halal Food) เพื่อรองรับธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยวสำหรับพี่น้องชาวมุสลิมทั่วโลกที่จะต้องเดินทางมาท่องเที่ยวในแถบจังหวัดขอนแก่นหรือภาคอีสานทั้งหมด ซึ่งจะต้องมีการเตรียมการเพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินการเพื่อรับรองมาตรฐานอาหารฮาลาล (Halal Food) สำหรับพี่น้องชาวมุสลิมจากทุกมุมโลกได้มาท่องเที่ยวในภาคอีสานต่อไป ” และในการนี้กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประจำจังหวัดขอนแก่น ราชอาณาจักรไทย ได้กล่าวถึง “เส้นทางของการปศุสัตว์และการค้าในภูมิภาคอินโดจีน โดยเฉพาะในประเทศลาว ซึ่งมีการดำเนินการได้เป็นบางส่วน แต่ยังขาดการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางการปศุสัตว์และการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะสินค้าภาคการเกษตร หรือสินค้าโอทอปทางประเทศลาวมีการจัดทำเป็นบางส่วน เพราะพื้นที่ประเทศลาวมีทรัพยากรทางการเกษตรเป็นจำนวนมากที่จะสามารถนำมาสร้างสรรค์หรือแปรรูปเป็นสินค้าที่มีคุณค่าด้านการเกษตรเป็นอย่างดียิ่ง ทางประเทศลาวจึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะสร้างเครือข่ายเส้นทางของการปศุสัตว์และการค้าในภูมิภาคอินโดจีนกับพี่น้องภาคใต้ชายแดนเพื่อการสร้างสรรค์เศรษฐกิจด้านการค้าและการลงทุนให้ดำเนินไปอย่างรุดหน้าเพื่อให้พี่น้องทั้งสองประเทศได้มีโอกาสสร้างเครือข่ายทางการค้าและการปศุสัตว์เป็นลำดับต่อไป”

.

ซึ่งจากการศึกษาดูงานและประชุมสัมมนาดังกล่าว ทำให้คณะทำงานและผู้ประกอบการเห็นโอกาสและช่องทางที่จะดำเนินการตาม “เส้นทางปศุสัตว์เชื่อมโยงภูมิภาคอินโดจีนและภาคใต้ชายแดน ภายใต้โครงการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการบริหารจัดการฟาร์มและสร้างความเป็นอัตลักษณ์ให้กับผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ภาคใต้ชายแดน” เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของโครงการเป็นลำดับต่อไป

.

#เซาท์ไทม

27 มกราคม พ.ศ.2501 วันสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหาร ศูนย์รวมเบื้องต้นนายทหาร - นายตำรวจ

วันนี้ เมื่อ 65 ปีก่อน ตรงกับวันที่ 27 มกราคม 2601 คือวันสถาปนา โรงเรียนเตรียมทหาร 

โรงเรียนเตรียมทหาร หรือ Armed Forces Academies Preparatory School เป็นสถาบันการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สังกัดสถาบันวิชาการป้องกันประเทศกองบัญชาการกองทัพไทย และเป็นสถาบันการศึกษาแห่งเดียวในประเทศไทย ที่เป็นศูนย์รวมเบื้องต้นสำหรับผู้ที่จะเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า, โรงเรียนนายเรือ, โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ

โดยผู้ที่ศึกษาในโรงเรียนเตรียมทหาร เรียกว่านักเรียนเตรียมทหาร (นตท.)

การรับสมัครบุคคลพลเรือนเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารนั้น โรงเรียนเตรียมทหารมิได้เป็นผู้ดำเนินการสอบคัดเลือกนักเรียนเตรียมทหารด้วยตนเอง หากแต่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า, โรงเรียนนายเรือ, โรงเรียนนายเรืออากาศ และโรงเรียนนายร้อยตำรวจจะเป็นผู้ดำเนินการสอบคัดเลือก

โดยในแต่ละปีจะมีการกำหนดจำนวนรับนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

จากนั้นแต่ละเหล่าทัพจะส่งผู้ผ่านการสอบคัดเลือกมาเรียนรวมกันที่โรงเรียนเตรียมทหาร เป็นเวลา 2 ปี

ภายหลังจากที่สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรของโรงเรียนเตรียมทหารแล้ว นักเรียนเตรียมทหารเหล่านี้จะเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนเหล่าทัพ (โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า, โรงเรียนนายเรือ, โรงเรียนนายเรืออากาศและโรงเรียนนายร้อยตำรวจ) ตามที่นักเรียนได้สมัครและผ่านการสอบคัดเลือก

เมื่อสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเหล่าทัพแล้ว นักเรียนนายร้อยเหล่านี้ จะได้รับการบรรจุเข้ารับราชการเป็นนายทหาร และนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร พร้อมทั้งเข้ารับพระราชทานกระบี่จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เสด็จแทนพระองค์

สำหรับประวัติการก่อตั้งและสถาปนามีว่า เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2500 จอมพลถนอม กิตติขจร ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เสนอดำริต่อสภากลาโหมว่า หากจะรวมโรงเรียนที่อยู่ในระดับการศึกษาเดียวกันจากกองทัพต่าง ๆ เป็นสถาบันเดียวกันก็จะเป็นการประหยัดงบประมาณของชาติ

5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงลาผนวช รวมเวลาทรงผนวชทั้งสิ้น 15 วัน

5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงลาผนวช ณ วัดบวรนิเวศวิหาร รวมเวลาทรงผนวชทั้งสิ้น 15 วัน

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเข้าพิธีบรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2499 และทรงได้รับสมญานามจากพระราชอุปัชฌาจารย์ ว่า “ภูมิพโล” ในระหว่างที่ทรงดำรงสมณเพศ ทรงประทับ ณ พระตำหนักปั้นหย่า วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร

ระหว่างที่ทรงดำรงสมณเพศ พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระราชกิจ เช่นเดียวกับพระภิกษุทั้งหลายอย่างเคร่งครัด เช่น เสด็จลงพระอุโบสถทรงทำวัตรเช้า–เย็น ตลอดจนทรงสดับพระธรรมและพระวินัยนอกจากนี้ยังได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจพิเศษอื่นๆ อาทิ 

โครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา - ต.จองถนน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง

ครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา อ.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา - ต.จองถนน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง มีวงเงิน ๔,๐๐๐ ล้านบาท เป็นค่าก่อสร้าง ๔,๗๐๐ ล้านบาท และค่าจ้างควบคุมงาน ก่อสร้าง ๑ ล้านบาท โดยในส่วนของค่าก่อสร้างมอบหมายให้กระทวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ตาม แผนการบริหารหนี้สาธารณะ อัตราส่วนของแหล่งเงินกู้และเงินงบประมาณเป็น ๗๐๓๐ สัดส่วนเงินกู้คิดเป็น วงเงิน ๓,๐๐๐ ล้านบาท และสัดส่วนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านบาท ส่วนค่าจ้าง ควบคุมงาน ๑๐๐ ล้านบาท ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป

สำหรับเหตุผลความจำเป็นในการก่อสร้างเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะช่วยลดระยะทางระหว่าง อ.กระแส สินธุ์ จ.สงขลา - อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง จาก ๘๐ กิโลเมตร เป็น ๗ กิโลเมตร และลดระยะเวลาในการเดินทาง จาก 5 ชั่วโมง เป็น ๓๕ นาที สามารถพัฒนาการขนส่งโลจิสติก และเส้นทางท่องเทียวเขียมโยงทะเลอันดามัน - อ่าวไทย และเชื่อม ๓ จังหวัด คือ ตรัง พัทลุง และสงขลา ช่วยบรรเทาปริมาณการจราจรของถนนทางหลวง และแก้ปัญหาการจราจรติดขัด ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการเดินทางในกรณีเกิดภัยพิบัติ จะสามารถอพยพประชาชนในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว
 


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. South Time Thailand
Take Me Top